หลวงปู่จันทร์ จันทโชติ วัดนางหนู
พระบูชา ฐาน ๖ นิ้ว องค์ ๕ นิ้ว สูงรวมฐาน ๘ นิ้ว
“หลวงปู่จันทร์ จันทโชติ” หรือ “หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จ.ลพบุรี” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสมัยสงครามอินโดจีนต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่กล่าวขวัญและเลื่อมใสศรัทธาสืบมาจนถึงปัจจุบันของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเมืองลพบุรี
มีนามเดิมชื่อ จัน หรือ จันทร์ สุดสาย เป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2395 ที่บ้านบางพุทโธ ต.ตลุง อ.เมือง จ.ลพบุรี
ในวัยหนุ่มเป็นคนพูดจริงทำจริงและเจ้าชู้ จนได้สาวงามแห่งบางพุทโธ 2 ศรีพี่น้องเป็นภรรยา ชื่อ นางสินและนางทรัพย์ มีบุตรด้วยกันรวม 4 คน
กล่าวกันว่า ร่ำเรียนวิทยาคมต่างๆ จากปู่ซึ่งเป็นจอมขมังเวท ทั้งยังชอบกินว่านและอาบว่าน เพื่อให้ผิวกายคงทนต่อศาสตราวุธต่างๆ และด้วยความมีใจนักเลง เป็นเหตุให้เกิดมีเรื่องราวกับคู่อริถึงขนาดทำร้ายกันจนถึงชีวิต ต้องหลบหนีอาญาจากบ้านเมืองไป
ซึ่งในระหว่างนั้นเอง ท่านมีโอกาสร่ำเรียนวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์และฆราวาสผู้ทรงพุทธาคมมากมาย หากแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นท่านใดบ้าง เมื่อพ้นอายุความในช่วงวัยกลางคน ท่านจึงหวนสู่ภูมิลำเนา ณ บางพุทโธ และตัดสินใจเข้าสู่ ร่มกาสาวพัสตร์ อุปสมบท ณ วัดบัว โดยมีพระสังฆภารวาหะมุนี (หลวงพ่อเนียม) วัดเสาธงทอง พระเกจิชื่อดังยุคนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “จันทโชติ”
ดำรงสมณเพศเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดอายุขัย
ขณะที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดบัว ท่านสังเกตว่า “วัดนางหนู” วัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น มีสภาพชำรุด ทรุดโทรมมาก จนเกือบจะเป็นวัดร้างและไม่มี พระภิกษุ-สามเณรจำพรรษา ท่านจึงขอย้ายไป จำพรรษาที่วัดนางหนู บูรณปฏิสังขรณ์ ตลอดจนสร้างเสนาสนะต่างๆ
ครั้นเมื่อชาวบ้านได้เห็นถึงความมุ่งมั่นก็เริ่มศรัทธามาร่วมแรงร่วมใจกัน จนวัดนางหนูมีความถาวรเป็นปึกแผ่นและเจริญรุ่งเรือง ต่อมาได้มีการสังคายนาชื่อวัดให้ถูกต้อง ตามทำเนียบสงฆ์ ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดมุกสิกกาวาส”
เพื่อตอบแทนน้ำใจญาติโยมที่สละทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ในการร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดครั้งนั้น หลวงปู่จันทร์ จึงสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังมากมาย อาทิ ตะกรุดไม้ไผ่ ตะกรุดไม้ลวก ตะกรุดสังวาล เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ สีผึ้ง รูปถ่ายอัดกระจก สายคาดเอว พระเครื่องเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น
เล่ากันว่า เมื่อครั้งสงครามอินโดจีน ประมาณปี พ.ศ.2484 ทหารหน่วยต่างๆ ต่างมุ่งสู่วัดนางหนู เพื่อขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่จันทร์ เป็นจำนวนมาก พร้อมสละทรัพย์หรือปัจจัยให้ท่านนำไปสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เงินทำบุญนั้นมากขนาดสร้างโบสถ์หลังใหม่ได้ทีเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่จันทร์ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสดูแลปกครองวัดนางหนูสืบมา และชื่อเสียงของท่านก็โด่งดังไปทั่วภาคกลางในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิทยาอาคมเข้มขลัง เป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา ได้รับนิมนต์เข้านั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษกสำคัญ อาทิ พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อปี พ.ศ.2481 และพิธีปลุกเสก ?พระพุทธชินราชอินโดจีน? ณ วัดสุทัศน์ เมื่อปี พ.ศ.2485
ในบั้นปลายชีวิต ท่านสร้างวัดบางพุทโธ หรือวัดชนะสงคราม จนสำเร็จลุล่วง นัยว่าเป็นการล้างบาปที่ท่านได้เคยก่อไว้ในอดีต
มรณภาพในปี พ.ศ.2490 สิริอายุ 97 ปี ก่อนละสังขารได้เรียกพระครูพิพัฒน บุญญาธร ศิษย์เอกของท่านมาสั่งเสีย และท่านได้ครองจีวรพาดผ้าสังฆาฏิอย่างรัดกุม เข้านิโรธสมาบัติจากไปอย่างสงบ
หลวงปู่พรหมมา เขมาจาโร ๑๐๑ ปี
พระครูวิมล บุญญาภรณ์ วัดหนองปลาดุก
พระอาจารย์ติ๋ว ฐิตวัฑฒโน วัดมณีชลขัณฑ์ อิติปิโสหน้าทอง
หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินฺโน คุ้มภัยให้ลาภ 

















รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์