หลวงพ่อแถบ ติญเขยโย วัดบางพลีน้อย

 ในด้านการศึกษา วัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๔ นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการศึกษาของชาติ โดยให้ทางราชการสร้างโรงเรียนประชาบาลสอนระดับประถมศึกษาขึ้นในที่วัดอีกด้วย

ลำดับเจ้าอาวาส ๑.พระอาจารย์ชุ่ม พ.ศ.๒๔๓๐-๒๔๓๙, ๒.พระอาจารย์จ้อย พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๔๗, ๓.พระอาจารย์กลั่น พ.ศ. ๒๔๔๘-๒๔๕๕, ๔.พระอาจารย์ฮ่อง พ.ศ.๒๔๕๖-๒๔๖๕, ๕.พระครูแถบ ติญเขยโย พ.ศ. ๒๔๖๖-๒๕๐๔, ๖.พระครูประโสติสารคุณ (หลวงพ่อฉิม พรหมฺโชติ) พ.ศ. ๒๕๐๕-๒๕๒๗, ๗.พระครูประปลัดไวย์ ปัญญสทีโป พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๓๖ และ ๘.พระครูวิสุทธิ์สมุทรคุณ หรือหลวงพ่ออนันต์ วิสุทฺโท พ.ศ.๒๕๓๗-ปัจจุบัน

หลวงพ่ออนันต์ ท่านเป็นพระหมอยา พระนักพัฒนา รวมทั้งพระผู้สร้างวัตุมงคลประเภทลิงแกะจากไม้มงคล ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อฉิม แล้วท่านยังเป็นพระอนุรักษ์อีกด้วย ที่ควรแก่การศึกษา คือ โบราณวัตถุต่างๆ ซึ่งของเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของเก่าแก่ที่ท่านเก็บสะสมสืบทอดต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน ของแต่ละชิ้นถือได้ว่ามีอายุเก่าแก่มาก เนื่องจากความชื่นชอบดั้งเดิมของท่าน และที่สำคัญของแต่ละชิ้นหลวงพ่ออนันต์จะถูกซ่อมแซมให้มีสภาพคงเดิมที่สามารถใช้การได้

โบราณวัตถุ เช่น ๑.ตะเกียงเจ้าพายุ ประกอบไปด้วยตะเกียงรุ่นต่างๆ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
๒.นาฬิกาโบราณ ประกอบด้วย นาฬิกาเก่าแก่ที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว ซึ่งนาฬิกาบางเรือนเจ้าอาวาสซื้อมาเพื่อปรับปรุงให้มีสภาพใช้งานได้ และบางเรือนชาวบ้านที่มีจิตเมตตาร่วมกัน บริจาคให้แก่วัด เพื่อให้วัดเก็บรักษาไว้

๓.พระพุทธรูป ประกอบด้วย หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อฉิม (หลวงพ่อครูประโสติสารคุณ) พระพุทธรูปปางไสยาสน์ หลวงพ่อพระครูแถบ ติกเขยโย ๔.บาตรพระ เป็นบาตรที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งมีแค่ ๓ ลูกเท่านั้น ที่มีประวัติยาวนาน

หลวงพ่ออนันต์บอกว่า ในอดีตวัดบางพลีน้อยขึ้นชื่อเรื่องการทำพลุ ตะไล และไฟพะเนียงมาก โดนเฉพาะในยุคของหลวงปู่แถบเป็นเจ้าอาวาส จากนั้นเจ้าอาวาสรูปต่อๆ มาก็รักษาการทำพลุ ตะไล ไฟพะเนียง เมื่อได้เป็นเจ้าอาวาสก็ทำได้ประมาณ ๑๐ ปี ก็เลิกเพราะเห็นว่าอันตราย

แม้ที่วัดจะเลิกทำพลุ ตะไล ไฟพะเนียง แต่ใช่ว่าจะสูญหายไปเสียเลยทีเดียว เพราะมีลูกศิษย์จากวัดบางพลีน้อยได้นำวิชาไปประกอบอาชีพหลายท่าน นอกจากนี้หากใครอยู่ใกล้ในวันเสาร์และอาทิตย์จะได้ยินเสียงจุดพลุ ตะไล เช่นเดียวกับสมัยหลวงพ่อแถบยังมีชีวิตอยู่

เหตุผลที่วัดแห่งนี้ยังมีการจุดพลุ ตะไล และไฟพะเนียง หลวงพ่ออนันต์บอกว่า เป็นการจุดแก้บนถวายหลวงปู่แถบ ซึ่งเคยมีบางคนบนแล้วประสบความสำเร็จมาแก้บนด้วยการจุดพลุถวายกว่า ๑๐๐ ลูก ก็เคยมีมาแล้ว ส่วนเรื่องบนบานศาลกล่าวนั้น คนมาขอพร ๑๐๘ อย่าง แต่ยอดฮิตของการบนขอพร คือ ของที่หายไปขอให้หาเจอ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ฮิตไม่แพ้กัน คือ หากบ้านไหนมีงานจะบนขอไม่ให้ฝนตก หลังจากเสร็จงานก็มีการมาแก้บนด้วยพลุ ตะไล นอกจากนี้ยังมีการบนขอให้ได้รับการเลื่อนหน้าที่และตำแหน่งที่สูงขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัดบางพลีน้อยมีโครงการหนึ่งที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง คือ “พญาวานร เนื้อสำริด” (ลิงจับหลัก) ขนาดใหญที่สุดในประเทศ โดยจัดตั้งผ้าป่า ๘๔,๐๐๐ กอง กองละ ๙๙ บาท ผู้ที่ร่วมบุญจะได้รับมอบลิงเนื้อผงพุทธคุณทุกท่าน พุทธศาสนิกชนร่วมบุญ หรือสอบถามเส้นทางไปวัดบางพลีน้อย ได้ที่ โทร.๐-๒๓๓๗-๖๔๖๕ และ ๐๘-๐๐๙๘-๘๐๘๘

เครื่องรางและยาดี
 คติธรรม หรือคำพูดที่หลวงพ่อท่านได้พูดกับลูกศิษย์บ่อยๆ คือ “ให้มีสติ ให้รู้ตัวตลอดว่าทำอะไร ให้มีมานะ บากบั่น พากเพียร มีความอดทน ในการทำงานหรือทำสิ่งต่างๆ” ในเรื่องเงินทองนี้ท่านจะสอนว่า “ให้รู้จักหา ให้รู้จักใช้ และให้รู้จักเก็บ” ท่านจะทำตัวอย่างให้ดูตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรท่านก็พินิจพิจารณาให้ละเอียด

กิตติคุณบารมีธรรมของหลวงพ่ออนันต์ อันเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านบางพลีน้อย รวมทั้งลูกศิษย์ที่นับถือคือ การรักษาโรคด้วยยาแผนโบราณ โรคที่ให้ท่านรักษา ได้แก่ อัมพฤกษ อัมพาต แขนหัก ขาหัก เริม ตะมอย ไฟลามทุ่ง ขยุ้มตีนหมา และริดสีดวง รวมทั้งอีกหลายโรคที่มาปรึกษาหลวงพ่อท่าน

การรักษาของหลวงพ่อก็ไม่ได้คิดค่ารักษา มีแค่ค่าครู ๖ บาท ดอกไม้ ธูป เทียน และบุหรี่ ตำรับยารักษาโรคอันเป็นที่ยอมรับ เช่น ๑.ยาหอม ๒.ยาเขียว ๓.ยาแก้หอบ ๔.ยาแก้เส้น อัมพฤษก อัมพาต ๕.ยาถอน เป็นยาครอบจักรวาล แก้ไข้ตัวร้อน แก้ผิดสำแดง ๖.ยาแก้ริดสีดวง ๗.ยาแก้มะเร็ง ๘.ยาแก้ไซนัส ริดสีดวงจมูก และอื่นๆ อีกมากมาย

ส่วนเรื่องการสร้างวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลังของหลวงพ่ออนันต์นั้น ท่านขึ้นชื่อเรื่องการสร้างลิงที่แกะจากไม้มงคล ทั้งนี้ ท่านได้ย้ายจากวัดพิมพาวาสมาอยู่วัดบางพลีน้อยใน พ.ศ.๒๕๑๙ มาอยู่กับหลวงพ่อฉิม พรหมฺโชติ ในพรรษาที่ ๒ คอยช่วยเหลือและปรนนิบัติหลวงพ่อฉิมมาตลอด

ในพรรษา ๒ นี้ พลวงพ่ออนันต์ได้เป็นอาจารย์สักยันต์ด้วย ในพรรษา ๓ หลวงพ่ออนันต์ได้ออกเดินธุดงค์เป็นเวลา ๓ เดือน ท่านก็ได้กลับวัด โดยลิงทุกตัวท่านจะแกะลงยันต์ด้วยมือตัวเองทุกตัว

“เรื่องบนบานศาลกล่าวนั้น คนมาขอพร ๑๐๘ อย่าง แต่ที่ยอดฮิตของการบนขอพร คือ ของที่หายไปขอให้หาเจอ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ฮิตไม่แพ้กัน คือ หากบ้านไหนมีงานจะบนขอไม่ให้ฝนตก”